ฝึกทักษะการตัดสินใจ (Decision making)
สรุปประเด็นปัญหา > จัดการกับความรู้สึกของตนเอง (ใช้เหตุผลไม่ใช้อารมณ์) > ไม่ควรรับข้อมูลมากเกินไป (พิจารณารับข้อมูลที่สำคัญ) > พิจารณาทางเลือกหลายๆ ทาง > คำนึงถึงผลดี ผลเสีย > ตัดสินใจเลือกว่าจะเลือกแบบใด
ฝึกทักษะการแก้ปัญหา (Problem-solving)
กำหนดปัญหาที่ชัดเจน (ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร) > กาหนดเป้าหมาย (ต้องการทำอะไรให้สำเร็จ ต้องการค้นพบอะไร) > รวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาให้ได้มากที่สุด > วิเคราะห์ข้อมูล > หาวิธีแก้ไขที่เป็นไปได้ > ประเมินวิธีแก้ปัญหาและเลือกว่าจะใช้วิธีใด > ทำตามแผนที่วางไว้ > ประเมินผลลัพธ์ > ปรับวิธีการแก้ปัญหา (ถ้าปัญหายังไม่คลี่คลาย)
ฝึกทักษะการคิดสร้างสรรค์ (Creative thinking)
อ่านให้เยอะ > ร่วมมือกับผู้อื่นที่เข้าใจปัญหาหรือสิ่งที่เราอยากทำ > คุยกับผู้คนที่แตกต่างจากเรา > ยอมรับและเรียนรู้จากความล้มเหลว > รู้จักทำแผนที่ความคิด (Mind map) > พาตัวเองออกไป “นอกกรอบความคิดเดิมๆ” เริ่ม ลงมือทาสิ่งใหม่ๆ
ฝึกทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical thinking)
รู้จักตั้งคำถาม > ไม่ควรเชื่อข้อมูลจนกว่าจะได้วิเคราะห์ด้วยตนเอง > รู้จักคิดคาดการณ์ล่วงหน้า > เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในบทบาทของผู้อื่น (เอาใจเขามาใส่ใจเรา) > แบ่งเวลาอย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อทากิจกรรมที่ช่วยพัฒนาสมอง
ฝึกทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective communication)
เข้าใจว่าการสื่อสารคืออะไร (คือกระบวนการถ่ายทอดสัญญาณ/ข้อความ ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารผ่านวิธีการต่างๆ) > กล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด > สบตาผู้รับสาร > แสดงทัศนคติหรือมุมมองที่เป็นประโยชน์ > รู้จักที่จะตั้งใจฟัง > พูดชัดถ้อยชัดคำและใช้ภาษาถูกต้อง
ฝึกทักษะการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal relationship)
ใส่ใจเอาใจใส่ผู้อื่น > นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง > มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน > มีความยืดหยุ่น > ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความคิด ความรู้สึก
ฝึกทักษะการตระหนักรู้ในตน (Self-awareness)
รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง > ไม่บิดเบือนความรู้สึกของตนเอง (โกรธ ไม่ชอบ อิจฉา) > ให้ เวลากับตัวเองในการพัฒนาอารมณ์ > รู้ข้อดี ข้อด้อยของตนเอง ยอมรับข้อด้อยและพร้อมจะพัฒนา > เรียนรู้ที่จะรู้จักตนเองตามความเป็นจริงที่เป็น
ฝึกทักษะการเข้าใจผู้อื่น (Empathy)
หยุดคิดว่าเราเข้าใจทุกคนเป็นอย่างดี > นิ่งเพื่อรู้จักที่จะฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจ > ถามเพื่อต้องการที่จะทำความเข้าใจเพิ่มเติม > จับใจความเพื่อให้เข้าใจตรงกัน > แบ่งเวลา พูดคุย เปิดประสบการณ์กับคนวัยต่างๆ หรือคนที่แตกต่างจากเรา
ฝึกทักษะการจัดการกับอารมณ์ (Coping with emotion)
เมื่อกำลังมีความรู้สึกในทางลบให้หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่และอยู่กับปัจจุบัน > หายใจลึกๆ > ยิ้ม > หยุดคิดว่า “ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว” เพราะจะยิ่งทำให้ความคิดในทางลบยากเกินกว่าจะควบคุม > หยุดคิดแบบเหมารวมว่า “มันจะต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน” > ฝึกที่จะรักตัวเองให้มากๆ หยุดคิดว่าความสาเร็จคือคำว่าชนะ > มีเมตตาต่อตัวเอง เข้าใจว่าความเจ็บปวดและความทรมานเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ > ฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบัน > จินตนาการถึงอนาคตที่เราจะสามารถทำมันให้ดีที่สุด เพื่อเพิ่มความรู้สึกทางบวกให้กับตัวเอง
ฝึกทักษะการจัดการกับความเครียด (Coping with stress)
หาสาเหตุของความเครียด > สำรวจความถี่ของความเครียดว่าเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน สถานการณ์ใดที่ทำให้เกิดความเครียด > จัดอันดับความเครียดที่ส่งกระทบกับเรามากที่สุด > วางแผนเพื่อขจัดความเครียด > เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ทำให้กังวล > ขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง > หาเวลาพักผ่อน
เด็กในศตวรรษที่ 21 นี้ คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ที่เป็นไปอย่างรวดเร็วได้ เพราะฉะนั้นการฝึกฝนให้ตนเอง มีภูมิคุ้มกันย่อมส่งผลให้วัยรุ่นยุคนี้สามารถอยู่ใน ความสุขและสามารถพัฒนาตัวเองให้ก้าวไปสู่ยุคสมัยแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทักษะชีวิตไม่ใช่เรื่องยากที่เด็กจะฝึกฝน เพียงแต่เราต้องเชื่อว่าทักษะชีวิตมีประโยชน์กับเรา และใช้เวลาในการพัฒนาทักษะ ต่าง ๆ ให้กลายเป็นจุดแข็ง และพยายามที่จะใช้ทักษะต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เราสามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ